mixiで趣味の話をしよう

mixiコミュニティには270万を超える趣味コミュニティがあるよ
ログインもしくは登録をして同じ趣味の人と出会おう♪

開催終了TNCK次回例会

詳細

2005年09月04日 09:24 更新

次回の例会
日時  9月15日(木)
    19時
場所 クレオ北 第二会議室

参加費は、800円÷参加人数です。
毎回一人100円です。

課題はTNC(タイ字新聞を読む会)のメーリングリストで配信していますが、ご希望の方は連絡してください。
別途メールにて添付ファイルとしてお送りします。

コメント(4)

  • [1] mixiユーザー

    2005年09月05日 22:30

    出典:『 ยุให้รำตำให้รั่ว 』/ ฮิมิโตะ ณ เกียวโต / แพรวสำนักพิมพ์หวย

    1. เมื่อสิ้นเดือนที่แล้วลุงที่อยู่ข้างบ้านออกมาเรียกฉันโหวกเหวกขณะนั่งรถออกมาจากบ้าน พร้อมกับถามฉันว่า “จะเข้าเวียงไหม” เวียงในที่นี้ไม่ใช่เวียงจันทน์ แต่หมายถึงในตัวเมืองหรือดาวน์ทาวน์ในภาษาอังกฤษนั่นแล ฉันยิ้มรับบอกว่า ใช่แล้ว วันนี้หนูมีธุระในเวียง ลุงยิ้มร่าหน้าบาน แลดูอิ่มเอิบมีความสุขผิดปกติ ทีแรกฉันงงว่าลุงจะนึกยินดีอะไรนักหนากับการที่ฉันไปเวียง แล้วความสงสัยก็มลายไปสิ้น เมื่อลุงควักลอตเตอรี่รัฐบาลมาซีกหนึ่ง พร้อมบอกว่า “ลุงถูกเลขสามตัว วานหนูไปขึ้นเงินให้ลุงที” ได้ยินแค่นั้นหน้าฉันก็พลอยบานไปกับลุงด้วย ทั้งอยากรู้ว่าถูกรางวัลเลขท้ายสามตัวนี่จะเป็นเงินเท่าไรกันหนอ แม้เป็นเพียงผู้รับฝากหวยใบนั้นไปขึ้นเงิน แต่ฉันก็พลอยปรีดาไปกับลุงราวกับถูกหวยเองก็ไม่ปาน

    2. เป้าหมายแรกที่ฉันขอให้เพื่อนจอดรถในวันนั้นคือแผงขายลอตเตอรี่ที่รับซื้อหวยถูกรางวัล ดูเหมือนลุงจะได้เงินรางวัล ๒,๐๐๐ บาท แต่ถูกหักพันละสิบบาทหรืออย่างไร ฉันก็จำไม่ได้เสียแล้ว เพราะมัวแต่ตื่นเต้นกับโชคลาภอันดูเหมือนจะได้มาโดยง่ายดายและไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรเลยอาศัยเพียงโชคชะตาเท่านั้น…จริง…จริง

    3. รับเงินจำนวนพันมานับ สายตาฉันก็กวาดไปที่ลอตเตอรี่ใหม่เรียงเป็นพรืดอยู่ตรงหน้า ฝันว่าฉันอาจจะโชคดีอย่างลุงบ้างก็ได้ใครจะไปรู้ ว่าแล้วฉันก็หลับหูหลับตาเอานิ้วจิ้มลงไปท่ามกลางลอตเตอรี่เป็นร้อย ๆใบที่อยู่ตรงหน้า ลืมตาขึ้นเห็นเลขท้าย ๑๖๗ อะฮ้า…อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น หมายเลขโทรศัพท์มือถือสามตัวสุดท้ายของฉันคือ ๑๖๗ หมายเลขโทรศัพท์สามตัวสุดท้ายของที่บ้านก็ ๑๖๗ แถมรหัสสามตัวสุดท้ายสมัยเรียนปริญญาตรีก็ ๑๖๗ อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น เพียงคิดได้ดังนั้น ฉันแทบเห็นดวงดาวแห่งความโชคดีกะพริบระยิบระยับอยู่เหนือนิ้วมือที่จิ้มอยู่บนหวยใบดังกล่าว “ขอเลขนี้ใบหนึ่งค่ะแม่ค้า” “ทำไมไม่ซื้อคู่ใหญ่ไปเลยล่ะคะ ครบชุดไปเลย” ฉันเกือบใจอ่อน แต่อำนาจฝ่ายเสียดายเงิน ทั้งลึก ๆ แล้วอดคิดไม่ได้ว่าโอกาสถูกมีน้อยเหลือเกิน ก็เลยตัดสินใจแน่วแน่ว่าขอเสี่ยงดวงแค่ซีกเดียว

    4. ฉันเก็บหวยใบนั้นไว้อย่างดีในกระเป๋าสตางค์ เจอใครก็ควักเอาออกมาอวด พร้อมทั้งพรรณนาถึงความบังเอิญอันมหัศจรรย์ของเลข ๑๖๗ (แต่โอกาสที่ฉันจะเจอใครนอกเหนือจากพ่อ แม่ น้องชาย และคนข้างบ้านสามสี่คนน้อยเหลือเกิน) รักษาหวยไว้อย่างนั้นก็เหมือนมีความหวังอยู่ในกระเป๋าสตางค์ตลอดเวลา และฉันก็นับและจดจำวันที่ได้แม่นกว่าแต่ก่อน อืม ถ้าถูกหวยสามตัวนี้ล่ะก็ จะสั่งซื้อนวนิยายของ ก.สุรางคนางค์จากโอเดียนสโตร์ให้ครบชุดเลย ฉันหมายมาดอยู่ในใจ

    5. ตั้งแต่ฉันซื้อหวย ฉันเห็นเหตุการณ์ในบ้านหลายอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน อันดับแรก ฉันรู้ว่าแม่ถูกหวยด้วยในงวดนั้น แต่เป็นหวยใต้ดินดูเหมือนจะได้เงินสักหกเจ็ดพันบาท เหมือนไม่มาก แต่ทำให้แม่เป็นคนดังในหมู่บ้านไปได้สามสี่วัน ไม่เพียงแต่ในหมู่บ้าน ยังลามปามไปถึงที่ทำงานด้วย เพราะในงวดถัดมา เช้าวันที่หวยออก โทรศัพท์ที่บ้านดังแต่เช้าและดังไปเรื่อย ๆจนบ่าย ล้วนแล้วแต่เป็นธุระของแม่ทั้งนั้น และเรื่องที่พูดกันก็ชวนให้ฉงน เช่น “คุณพระธรรมชี้นำชีวิต” หรือ “กล้วยหนึ่งหวีมีแฝดสี่ใบ” ปกติฉันไม่เคยสนใจธุระของแม่มาก่อน ด้วยเห็นว่าธุระของบรรดา “แม่ ๆ” นั้นไม่มีอะไรน่าติดตามใส่ใจสำหรับคนรุ่นโพสต์โมเดิร์นอย่างเรา ทว่าตั้งแต่ซื้อหวยและตั้งแต่รู้ว่าแม่ถูกหวย ฉันอดที่จะคอยเงี่ยหูฟังและจับตามองความเคลื่อนไหวของแม่อย่างใกล้ชิด รวมทั้งประโยคแปลก ๆ สองสามประโยคที่แม่พูดทางโทรศัพท์กับเพื่อนด้วย

    6. แต่ฟังแล้วก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น เพราะนอกจากจะไม่เข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว ยังไม่มีอะไรใกล้เคียงกับ ๑๖๗ หมายเลขนำโชคอันเป็นความหวังบาง ๆ ในกระเป๋าสตางค์ของฉันเลยจนนิดเดียว และตั้งแต่ฉันซื้อหวยนั่นเองที่ทำให้ฉันรู้ว่า ชาวบ้านร้านตลาดที่อยู่รอบๆ ตัวฉันนั้นหาคนไม่ซื้อหวยหรือไม่เล่นหวยน้อยเต็มที ป้าคนหนึ่งในหมู่บ้านจะคอยเปิดดูหน้าดวงของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ แล้วจดเลขกลับหน้ากลับหลัง พลิกแพลงเป็นตัวชุดเลขต่าง ๆได้อย่างน่าทึ่ง ราวกับเป็นนักคณิตศาสตร์ระดับเซียน หลังจากนั้นชุดตัวเลขต่าง ๆ เหล่านี้ก็จะส่งไปสถิตอยู่ในตำแหน่งบนบ้างล่างบ้างตามแต่ตัวแกจะเห็นสมควร ฉันไม่เคยรู้ว่าแกถูกหวยบ้างรหรือเปล่าแต่ไม่เคยเห็นแกเลิกพยายาม

    7. อีกครั้งหนึ่งที่หัวลำโพง ฉันเห็นหญิงวัยไม่เกินสามสิบปี มีลูกน้อยสองคน ท่าทางตรากตรำกับงานหนักจนดูแกกว่าอายุ เธอมีหนังสือเล่มเล็กๆ อยู่ในมือ พร้อมสมุดเล่มบางที่หน้าปกเป็นรูปดาราภาพยนตร์และดินสอหนึ่งแท่ง ในหน้าสมุดขาว ๆ นั้นเต็มไปด้วยตัวเลข สามตัวบ้างสองตัวบ้างเรียงกันเป็นพรืด แอบดูหน้าปกหนังสือที่เธอกำลังศึกษาอย่างขะมักเขม้น พบว่าเป็นหนังสือคู่มือเก็งหวย เดาเอาว่าคงเป็นการสะสมข้อมูลว่าด้วยเลขที่ออก และคำนวณหาความถี่และความน่าจะเป็นของตัวเลขที่ปรากฏเป็นเลขเงินรางวัล

    8. รู้อย่างนี้ ฉันพบว่าการหลับหูหลับตาเอานิ้วจิ้มเลือกตัวเลขโดยหวังผลทางโชคชะตาล้วน ๆ ของตนเองในการซื้อหวยนั้นเป็นเรื่องงี่เง่าสิ้นดี ไม่นับเทคโนโลยีประเภทกล้วยหนึ่งหวีแฝดสี่ใบที่แม่ฉันคอยติดตามอัพเดทข่าวการใบ้หวยของเกจิอาจารย์ที่ได้ชื่อว่าแม่น แถมยังหมั่นพัฒนาฝึกฝนทักษะการตีความ ต่อให้ยากเท่ายากอย่างคุณพระธรรมชี้นำชีวิต ซึ่งไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับตัวเลข แต่คนที่ฝึกมาทางนี้อย่างช่ำชองแล้วแทบจะถอดรหัสตัวเลขออกมาได้ในชั่วอึดใจเดียว

    9. ไม่เพียงแต่การเก็บสะสมข้อมูลเชิงสถิติ และการอัพเดทข่าวใบ้หวย พวกเขายังมีที่พึ่งเป็นต้นไม้ใบหญ้า ล่าสุดเพื่อนของแม่ซึ่งมีบ้านอยู่ถัดไปจากเราประมาณหกเจ็ดหลัง วิ่งมาหาแม่แต่เช้าหลังวันหวยออกว่าเธอถูกหวยและเหตุที่ต้องมาบอกแม่เป็นคนแรก เพราะเธอเคยมาขอว่านชนิดหนึ่งไปจากบ้านเรา ฉันไม่รู้จักชื่อว่านชนิดนี้ รู้แต่ว่ามันให้ดอกสีขาวสวยคล้ายทิวลิป แต่อ้อนแอ้นแบบบางกว่า เธอบอกแม่ว่า ว่านนี้เป็นว่านมหามงคล หลังจากขอแบ่งจากบ้านฉันไปลงกระถางทั้งประคบประหงมอย่างดีแล้ว ว่านก็ให้ดอกสวยงามอย่างที่ควรจะเป็น หากป้าไม่ได้เห็นแค่ความงาม แต่เห็นตัวเลขด้วย จึงบรรจงนับจำนวนดอกของว่านแล้วไปซื้อหวย ปรากฎว่าโป๊ะเชะ ถูกเข้าอย่างจัง หลังจากวันนั้นป้าก็ยกกระถางว่านมหามงคลดังว่าเข้าไปประคบประหงมถึงในชายคาบ้านเพราะกลัวถูกขโมย แต่พอข่าวสะพัดไปอย่างนี้ หัวกระไดบ้านฉันแทบจะไม่แห้งเพราะมีคนมาขอว่านต้นนี้ไปปลูกบ้างทุกวัน

    10. ตอนเด็ก ๆ คุณครูมักสอนว่า หวยเป็นการพนันอย่างหนึ่งอย่าไปเล่น มันไม่ดี คนเราควรจะตั้งอกตั้งใจหาเงินด้วยความเพียรโดยไม่หวังลาภลอย ไม่เพียงเท่านั้น ตัวอย่างคนถูกหวยแล้วผลาญเงินให้หมดลงไปอย่างรวดเร็วมักจะถูกนำมากล่าวถึงอย่างดูแคลน ในทำนองว่าเป็นคนไร้ปัญญา เช่น พกเงินเป็นฟ่อนไว้แจก ปลูกบ้านหลังใหญ่ ๆ ซื้อรถแพง ๆ มาขับผลาญน้ำมันเล่น แทนที่จะออมเงินนั้นไว้เพื่อยืดระยะเวลาการใช้จ่ายให้ได้นานที่สุด หรือเอาเงินไปลงทุนเพื่อให้เงินงอกเงยขึ้นไปอีกอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

    11. ฉันเองเคยเชื่ออย่างนี้ และดูถูกคนเล่นหวย รวมทั้งคนซื้อหวยมาตลอด ทว่าตั้งแต่ฉันซื้อหวย ๑๖๗ วันนั้น ตั้งแต่ได้เห็นรายละเอียดในชีวิตผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ตัว ฉันพบว่าหวยไม่ได้เป็นแค่การเสี่ยงโชค หากมันคือมหรสพอย่างหนึ่งในชีวิตอันเรียบง่ายของชาวบ้าน ที่โลกของเขาไม่มีหนังเรื่องเดอะแม็ตทริกซ์ ไม่มีแฮร์รี่ พ็อตเตอร์ ไม่มีนิทรรศการศิลปะ ไม่รอดูคอนเสิร์ตของศิลปินคนโปรด ไม่สนใจว่าเม็ก ไรอัน จะไปเมืองคานส์หรือเปล่า หวยคือสีสันของชีวิต คือความระทึกใจเล็ก ๆน้อย ๆ ที่มาทุก ๆ สิบห้าวันและไม่เคยผิดนัด หวยคืออะไรสักอย่างที่ทำให้เรารู้สึกว่ามีอะไรข้างหน้าให้จดจำและรอคอย

    12. คนมีปัญญาในเมืองที่ชอบคิดว่าชาวบ้านโง่ จน เจ็บตลอดกาล อาจคิดว่าเงินห้าสิบบาท ร้อยบาท น่าเอาไปซื้อนมให้ลูกดื่ม หรือเอาไปทำอะไรที่เป็นประโยชน์และช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิต โดยที่ไม่เคยคิดว่าตนเองอาจเคยควักเงินซื้อรองเท้าคู่ละสองหมื่นเพื่อความสบายใจและ…ไม่ได้มีผลในการเพิ่มคุณภาพชีวิตเฉกเดียวกับการที่ชาวบ้านเสียเงินร้อยสองร้อยเพื่อซื้อความหวังและสีสันอันเร้าใจให้กับชีวิต

    13. ยิ่งคนที่ถูกหวยเป็นล้าน ๆ แล้วสามารถใช้ให้หมดภายในสามเดือนหกเดือนยิ่งน่าสนุก ถ้าฉันถูกหวยเป็นล้านคงพกเงินเป็นฟ่อน โปรยปรายจ่ายแจก แถมซื้อไวน์เทลงอ่าง นอนแช่มันทุกคืนให้สาแก่ใจ ลาภลอยอย่างนี้ ถ้าไม่เอามาถลุง หากเก็บเอาไว้ลงทุนล่อเอาเงินคนอื่นเข้ากระเป๋าให้ตัวเอง รวยยิ่ง ๆขึ้นไปอีกคงบาปหนัก นักเลงจริงเขาไม่ทำกัน

    14. อ้อ ๑๖๗ ของฉันน่ะ ถูกเจ้ามือกินซะเรียบ !


    โทรทัศน์

    1. ที่บ้านฉันอยู่กันสี่คน มีโทรทัศน์สามเครื่อง อยู่ในห้องครัวหนึ่ง ห้องนั่งเล่นหนึ่ง และห้องนอนของพ่อกับแม่หนึ่ง ฉันเปิดโทรทัศน์แทบจะไม่เป็นด้วยซ้ำ จำได้ว่าอยู่บ้านมาหนึ่งปีกับห้าเดือนเพิ่งจะเปิดโทรทัศน์ด้วยตนเองประมาณสามครั้ง นั่นแสดงว่าคนสามคนในบ้านฉันดูโทรทัศน์กันคนละเครื่อง คนละสถานี คนละรายการ บางวันเดินเข้าไปในบ้านจะได้ยินเสียงจากโทรทัศน์สามเครื่องดังอื้ออึงแข่งกัน เครื่องหนึ่งเป็นรายการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอล เครื่องหนึ่งตลกคาเฟ่กำลังใช้ถาดตีหัวกันดังโป๊งเป๊ง อีกเครื่องหนึ่งทำหน้าที่ฉายหนังจากแผ่นวีซีดียิงกันเปรี้ยงปร้าง

    2. ฉันเป็นโรคเกลียดโทรทัศน์อย่างไม่มีสาเหตุ คิดว่าเป็นโรคอุปาทานเหมือนกับคนบางคนที่ต้องเปิดโทรทัศน์ไว้เป็นเพื่อนตลอดเวลา จะดูหรือจะไม่ดูเป็นอีกเรื่อง ต้องเปิดให้มันมีภาพและส่งเสียงไว้ก่อน เช่นแม่ของฉัน พอมือขวาเปิดเตาแก๊สปุ๊บ มือซ้ายก็กดรีโมทเปิดโทรทัศน์ปั๊บเหมือนกัน เรื่องแบบนี้มันใช้เหตุผลมาอธิบายกันไม่ค่อยได้

    3. ฉันเกลียดโทรทัศน์เพราะรู้สึกว่าโทรทัศน์มาแย่งความสนใจจากคนรอบข้าง คือแทนที่คนอยู่ด้วยกันจะคุยกันใส่ใจกัน ดันไปสนใจและใส่ใจอะไรต่อมิอะไรในจอโทรทัศน์แทน (แสดงว่าเป็นคนเรียกร้องและต้องการความสนใจจากคนอื่นอย่างรุนแรง) จำได้ว่าสมัยเด็ก ๆ อยู่ด้วยกันกับน้า ๆ และเพื่อนบ้านวัยใกล้เคียงกันหลายคน กำลังคุยเล่นหยอกล้ออยู่ดี ๆ ฉับพลันมีคนลุกไปเปิดโทรทัศน์ เท่านั้น วงเล่นวงคุยแตกกระเจิง ทุกคนหันไปจ้องโทรทัศน์ตาแป๋ว เงียบกริบ ฉันพยายามจ้องโทรทัศน์กับคนอื่นด้วยเหมือนกัน แต่จ้องเท่าไหร่ก็ไม่เข้าใจว่าที่เคลื่อนไหวในจอสี่เหลี่ยมนั้นคืออะไรกันแน่ แถมทุกคนยังทำราวกับว่าสิ่งที่ฉันดูเท่าไหร่ก็ไม่เข้าใจนั้นมันสนุกนักหนา จึงรู้สึกแค้นโทรทัศน์มาก เสร็จแล้วก็เลยแหกปากร้องไห้ดังลั่นเรียกร้องความสนใจเล่น ๆ

    4. นับตั้งแต่นั้นมากระมัง ฉันรู้สึกว่าตนเองกับโทรทัศน์เป็นศัตรูกันอย่างยิ่ง ถึงทุกวันนี้ได้ยินเสียงดัง ๆ จากโทรทัศน์ ฉันยังมีอาการคลื่นเหียนวิงเวียนเหมือนจะไม่สบายอย่างบอกไม่ถูก

    5. ถึงอย่างนั้นก็ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะขาดโทรทัศน์ได้ ตอนเรียนอยู่ที่เกียวโตใช้ชีวิตตามลำพังในอพาร์ตเม้นท์หลังเล็กนั้น รอดพ้นจากเงื้อมเงาความเหงามาได้ก็เพราะมีโทรทัศน์เป็นเพื่อน โดยเฉพาะรายการของคิตาโน ทาเกชิ ที่คนไทยรู้จักเขาในฐานะผู้กำกับหนังชื่อดัง โดยเฉพาะหนังตระกูลยากูซ่าทั้งหลาย แต่หนังของทาเกชิที่ฉันชอบที่สุดคือหนังเรื่อง “ฮานาบิ” หรือดอกไม้ไฟ หนังอะไรไม่รู้เศร้าเป็นบ้าเป็นหลังเลย รายการโทรทัศน์ของทาเกชิที่ฉันติดงอมแงมชื่อรายการ Henna Nihonjin หรือ “พิกลคนญี่ปุ่น” เป็นรายการที่ให้คนต่างชาติสารพัดชาติ ทั้งฝรั่ง จีน แขก พม่า แอฟริกัน รวมทั้งคนไทยด้วย เอาเป็นว่ามีคนต่างชาติประมาณสามสิบชาติที่เข้าร่วมรายการ คนเหล่านี้จะออกมาด่าและบ่นพฤติกรรมคนญี่ปุ่นที่ตนเองเห็นว่ามันเพี้ยน มันบ้า มันทุเรศ พูดเสร็จก็จะมีแขกรับเชิญคนญี่ปุ่นที่เป็นดาราหรือคนมีชื่อเสียงมาออกรับหรือแก้ตัวแทนคนญี่ปุ่นพร้อมกับตำหนิว่าคนต่างชาติเหล่านี้สักแต่ว่าใช้ชีวิตในญี่ปุ่น แต่ไม่ยอมศึกษาวัฒนธรรมญี่ปุ่น คอยแต่จะเอามาตรฐานของวัฒนธรรมตนมาตัด&#
  • [2] mixiユーザー

    2005年09月14日 22:52

    急用で今回は欠席です。
    訳が聞きたかったです。。。。
  • [3] mixiユーザー

    2005年09月15日 00:38

    今回私も用事ができてしまい、参加できません。
    せっかく中途半端に課題の1ページだけは、予習してたのに
    行けなく残念です。次回は参加したいです。

    ソムタムこと 北村洋子
  • [4] mixiユーザー

    2005年09月15日 06:59

    仕事が残業続きの上に、あさっては所属バンドで出張演奏するのでパワー温存のためにお休みしますm(_ _)m ううう、もう3ヶ月行けてない・・・
mixiユーザー
ログインしてコメントしよう!
  • 2005年09月15日 (木)
  • 大阪府 阪急淡路駅東口
  • 2005年09月15日 (木) 締切
  • イベントに参加する
  • 気になる!
参加者
1人